วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันนี้จะมานำเสนออาหาร   ยำแอ๊ปเปิ้ลไข่ต้ม


เครื่องปรุง

แอ๊ปเปิ้ลเขียวลูกใหญ่ ½ ลูก
ไข่ไก่ 3 ฟอง
หัวหอมแดง 3 หัว
พริกสด 2 เม็ด
ผักชี 1 ต้น
น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว (น้ำปลา) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง ¼ ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา


วิธีทำ

1. เปิดเตาที่ไฟแรง นำน้ำเปล่าใส่หม้อประมาณ 3 ถ้วย ใส่ไข่ไก่ลงไปต้มจนน้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ต้มต่ออีกประมาณ 10 นาที ก็ปิดเตาและยกลง จากนั้น นำไข่ต้มไปแช่น้ำเย็นจัด แกะเปลือกออกแล้วผ่าซีก จัดใส่จานเตรียมไว้


2. ปลอกเปลือกหัวหอมแดงและตัดก้านผักชี จากนั้น นำพริกสด ผักต่างๆ และแอ๊ปเปิ้ลไปล้างน้ำให้สะอาด นำหัวหอมแดงมาซอยบางๆ หั่นพริกเป็นท่อนๆ และซอยผักชีหยาบๆ พักไว้


3. นำน้ำเย็นใส่ถ้วยประมาณ 2 ถ้วย เติมเกลือป่นลงไปประมาณ ½ ช้อนชา คนให้เข้ากันเอาไว้แช่แอ๊ปเปิ้ลไม่ให้ดำง่าย จากนั้น นำแอ๊ปเปิ้ลมาปลอกเปลือกออก ฝานบางๆ แล้วซอยเป็นเส้นๆ เมื่อหั่นเสร็จแล้วให้นำไปแช่ในน้ำเกลือประมาณ 10 นาที ก็นำไปล้างน้ำเย็น และสะเด็ดน้ำออกให้หมด พักไว้


4. นำกุ้งแห้งไปป่นให้ละเอียด จากนั้น นำเครื่องปรุงต่างๆ คือ น้ำมะนาว ซีอิ้วขาว (น้ำปลา) น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊ป และพริกที่หั่นไว้ มาผสมรวมกันในถ้วยผสม ชิมรสตามชอบ


5. นำแอ๊ปเปิ้ลที่ซอยไว้ หัวหอมแดง ผักชี และกุ้งแห้งป่น มาใส่ลงไปในโถผสม เติมน้ำปรุงรสลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน


6. ตักยำแอ๊ปเปิ้ลใส่ถ้วย ยกเสริฟพร้อมกับไข่ต้มที่ผ่าเตรียมไว้ได้เลยค่ะ



ที่มาอ้างอิงhttp://board.palungjit.com/f82/%E0%B8%A2%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B9%8A%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%A1-122676.html 

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันนี้จะมาเสนอวิธีการทำ  แกงจืดเต้าหู้หมูเด้ง   




ส่วนผสม

1. เต้าหู้ไข่ 3 หลอด
2. น้ำซุป 4 ถ้วย
3. หมูบด 50 กรัม
4. ต้นหอมหั่นท่อน 1 ต้น
5. ผักชี 1 ต้น
6. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืช 1/4 ช้อนชา




วิธีทำ
1. ผสมหมูบดกับซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา หมักไว้ซักครู่

2. นำน้ำซุปใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด นำหมูที่หมักไว้มปั้นเป็นก้อนขนาดเท่าลูกชิ้นทั่วๆ ไป ใส่ลงไปในน้ำซุปที่กำลังเดือด เคี่ยวจนหมูสุกดี


3. ใส่เต้าหู้อ่อนลงไปในหม้อ ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว เหยาะพริกไทยเล็กน้อย
4. พอเดือดใส่ต้นหอม ผักชี ยกลงจากเตา ตักใส่ชามเสิร์ฟร้อนๆ


ขอบพระคุณสำหรับการอ่านนะครับ


สวัสดีครับ ^^


ที่มาอ้างอิง  http://board.palungjit.com/f77/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
วันนี้จะมานำเสนอ อาหาร  ผัดไทยมะละกอ  






มาดูอุปกรณ์นะครับ


- มะละกอสับ 200 กรัม 
- ถั่วงอก 200 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง 
- ใบกุยช่าย หั่นท่อน 2 ต้น
- หัวหอมแดง 1 ช้อนโต๊ะ 
- กุ้งสด มากน้อยตามชอบ 
- เต้าหู้แข็งหั่นลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำตาลปีบเคี่ยว 2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำมะขาม 2 ช้อนโต๊ะ 
- พริกป่น 1 ช้อนชา 
- น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ 
- หัวไชโป้วหวานสับ หรือหัวไชโป้วเส้น 2 ช้อนโต๊ะ 
- ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำมะนาว 
- ผักเคียงตามชอบ อาทิ ถั่วงอก หัวปลี ใบบัวบก ใบกุยช่าย แตงล้าน


วิธีทำ
1.ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน นำเต้าหู้ที่หั่นไว้ลงทอดพอเหลือง ใส่หัวหอมแดงลงผัดให้เนื้อสุกใส
2.ใส่มะละกอ ใส่หัวไชโป้ว ชอบกุ้งสุก ๆ ก็ใส่ไปก่อนได้ แต่พวกที่ปลื้มของดิบ ๆ ก็ต้องจัดไปทีหลังสุดนะเจ้าคะ ขอเหยาะพริกป่นปาปริก้าไปนิดหน่อยเป็นการเพิ่มสีสัน
3.ใส่มะละกอ ใส่หัวไชโป้ว ฯลฯ แล้วเราขอเพิ่มกุ้งแห้งฝอยที่ให้แคลเซียมไปหน่อยนะคะ ปรุงรสอร่อยด้วยน้ำมะขาม น้ำปลา น้ำตาลปี๊บเคี่ยว ใส่พริกป่น ผัดจนมะละกอนิ่ม ชิมรส
4.ปรุงรสและ ชิมเรียบร้อย ใส่ถั่วงอกและใบกุยช่ายลงไปตอนนี้ เพราะเราจะทำแบบห่อไข่ ฉะนั้นต้องใส่ผักไปก่อน แต่ไม่ต้องผัดนานนะคะ แค่พอคลุก ๆ เคล้า ๆ ให้ผักสลดก็พอแล้วค่ะ
5.ตีไข่ในชามแบบทำไข่เจียว แล้วเกลี่ยเส้นไปไว้ข้าง ๆ กระทะ แล้วเทไข่ลงไป
6.พอไข่สุก เล็กน้อยก็ค่อย ๆ เกลี่ยเส้นมะละกอมาในแผ่นไข่ ไม่ต้องให้ไข่สุกมาก เพราะตัวเส้นมะละกออมความร้อนอยู่แล้ว เกลี่ยลงมาไข่ก็จะสุกขึ้นอีกนะคะ
7.เรียบร้อย แล้วก็ตลบไข่ให้ปิดเส้น เราชอบแบบเปิดให้เห็นเนื้อใน โผล่ให้เห็นหน้าตาแบบนี้ถูกใจกว่าปิดมิดชิดมองไม่เห็นหน้าตาว่าเป็นอย่างไร
8.จัดใส่จาน เคียงข้างด้วยผักต่าง ๆ ปลื้มถั่วงอกและใบกุยช่ายก็จัดไปคะ ปลื้มนางตานี เย้อออ ปลีกล้วยตานีใบหวีเหี่ยวก็จัดไปคะ บางคนก็ชอบทานกับใบบัวบก แก้ชำใน แก้ชำใจและอกหัก ก็จัดไป บ้างก็ทานกับแตงกวาและแตงล้าน ก็จัดหนักได้เลยนะคะ
อ่อ .. อย่าลืมบุบ ๆๆๆๆ ถั่วลิสงคั่วใหม่ ๆ โรยหน้าไปด้วยนะคะ ขาดไม่ได้เชียว เค้าของคู่กัน เหมือนสมบัติ คู่กับ อรัญญา นะคะ และอย่าลืมเพิ่มความเปรี้ยวจัดจ้านด้วยน้ำมะนาวนะเจ้าครับ


ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ ^^


ปล.รูปมันเยอะกระผมขอลงแค่นี้นะครับ


ที่มาอ้างอิง  http://board.palungjit.com/f77/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
อันนี้ไม่ได้มาสอนวิธีทำอาหารนะครับ                             


เคล็ดลับวิธีทำ ทอดมันกุ้ง ให้อร่อย


ทอดมันกุ้ง คงจะเป็นอีกหนึ่งในเมนูอาหารยอดนิยม ที่เรามักจะสั่งรับประทาน เวลาไปร้านอาหาร แต่บางครั้งก็มีแอบลุ้นว่า จะได้ทานทอดมันกุ้งจานอร่อยมั๊ย เพราะบางครั้งก็ไม่อร่อยถูกปาก ร่วนไป แฉะไปบ้าง บางทีกัดไปก็ถามตัวเองว่า นี่ฉันทานอะไรอยู่??? วันนี้แม่เขียวหวาน เลยขอหยิบเอา สูตรอาหารจาน ทอดมันกุ้งมาคุยกันว่า มันมีเทคนิค วิธีทำยังไงถึงจะอร่อย เฮ้อ ร่ายซะยาว เริ่มเลยดีกว่า

จะทำทอดมันกุ้งให้อร่อย สิ่งแรกที่สำคัญมากคือ กุ้งต้องสด ประมาณว่ายิ่งสดยิ่งอร่อย กุ้งแช่แข็งเอามาทำได้ แต่ก็ไม่อร่อยเท่ากุ้งสด ทำความสะอาดกุ้งแล้ว แกะเปลือกออก อย่าลืมผ่าหลังกุ้ง ลอกเอาเส้นดำออกด้วย เนื้อกุ้งที่แกะออกมาแล้ว ไม่ควรนำไปล้างน้ำอีก เพราะจะทำให้ความหวานหายไป และจะทำให้ทอดมันกุ้งที่ได้แฉะ

ส่วนผสมต้องผ่านการนวด สมัยก่อนเวลาทำ ทอดมันกุ้งก็ต้องตำเนื้อกุ้ง และนวดให้เนียน แต่ถึงแม้สมัยนี้จะมีเครื่องบดผสมอาหารมาช่วยทุ่นแรง แต่แม่เขียวหวานก็อยากจะบอกว่า การนวดก็ยังคงความสำคัญอยู่ หลังจากบดส่วนผสมด้วยเครื่องบดแล้ว ควรนำส่วนผสมใส่ในชามหรือกะละมัง ที่ทำด้วยสแตนเลสได้ยิ่งดี นวดให้ส่วนผสมตั้งยอดได้เลยค่ะ เสร็จแล้วปิดฝานำไปแช่ในช่องแช่แช็งซัก 15 นาที แล้วนำออกมานวดอีกที จึงนำไปปั้นและทอด

ก่อนจะทอดจริง ควรปั้นลงไปทดลองทอดแล้วนำมาชิมก่อน เผื่อว่ารสชาติไม่พอดี จะได้ปรุงเพิ่มก่อนได้ มีจุดสังเกตุอย่างนึง อาหารประเภททอดมัน เครื่องปรุงมักจะไม่ใช้ที่เป็นน้ำ เพราะจะทำให้ส่วนผสมเหลวค่ะ

ขนาดของชิ้นทอดมันกุ้งเวลาทอดก็มีความสำคัญ อย่าปั้นหนาจนเกินไป เพราะจะทำให้เวลาทอดแล้วเกล็ดขนมปังไหม้ แต่เนื้อกุ้งข้างในยังไม่สุก และควรเตรียมปั้นไว้หลายๆชิ้น ก่อนค่อยเริ่มทอด ไม่อย่างนั้นจะปั้นไม่ทัน

อุณหภูมิของน้ำมันขณะทอด ก็มีความสำคัญ ถ้าน้ำมันร้อนน้อยจนเกินไป ทอดมันกุ้งก็จะอมน้ำมัน แต่ถ้าร้อนจัดเกินไป เกร็ดขนมปังก็อาจจะไหม้ได้ ก่อนใส่ทอดมันชิ้นแรกลองทอด ลองหยิบเศษขนมปังเล็กน้อยคลุกกับไข่ ที่เหลือติดอยู่ก้นถ้วยก็ได้ ใส่ลงไปในน้ำมัน ถ้าชิ้นขนมปังโดนน้ำมันแล้ว ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แสดงว่าน้ำมันยังร้อนไม่พอ ถ้าใส่ลงไปแล้วเดือดเป็นฟอง ลอยขึ้นมาแสดงว่าน้ำมันร้อนได้ที่ แต่ถ้าน้ำมันมีควันลอยขึ้นมา มันอาจจะร้อนเกินไปแล้วล่ะค่ะ

พอทอดมันกุ้งมีสีเหลืองทอง ก็ทยอยตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานให้สวยงาม ที่สำคัญ ทานตอนอุ่นๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว ทั้งหมดนี้เป็น เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อครัวแม่ครัวมือใหม่ สามารถนำไปใช้ได้ ทอดมันกุ้งอร่อย ๆ ทำเองได้ง่ายๆ ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ



ขอบพระคุณที่อ่านครับ


สวัสดีครับ


ที่มาอ้างอิง  http://board.palungjit.com/f77/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
ตามคำเรียกร้องนะครับ วันนี้จะมาบอกวิธีทำ พายบลูเบอรี่ (สำหรับ 8 - 10 ท่าน) นะครับผม


ส่วนผสม "บลูเบอร์รี่ชีสพาย" (สูตรนี้ทำได้ 2  ถาด)
1. ขนมปังกรอบตรา  1 ห่อ

2. เนยสดละลาย 250 กรัม
3. ฟิลาเดลเฟีย ครีมชีส 1 ก้อน
4. ครีมข้น  1 กระป๋อง
5. นมข้นหวาน  1/4 กระป๋อง (หรือเติมตามชอบ
6. นมข้นจืด  2 ช้อนโต๊ะ
7. เจลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ ละลายกับน้ำร้อนนิดหน่อย
8. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. ถาดฟรอยกลมแบบมีฝาปิดขนาด 9 นิ้ว                                
10. บลูเบอร์รี่ Wilderness 1 กระป๋อง

วิธีทำ "บลูเบอร์รี่ชีสพาย" 
1. บดแครกเกอร์ไม่ต้องละเอียดมาก

2. ละลายเนยสดในไมโครเวฟ
3. นำเนยที่ละลายแล้ว ค่อย ๆ เทใส่ในปังกรอบบดจนส่วนผสมเกาะกัน ถ้ายังไม่เกาะละลายเนยเพิ่มได้
ครับ
4.กรุใส่พิมพ์กดให้แน่น ๆ
5 .นำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ช่องฟรีซ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที (หรือถ้าใครมีเตาอบ ให้นำไปอบในอุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮ ประมาณ 15 นาที) 
6. จากนั้นเป็นวิธีทำครีมชีส ก่อนจะตีครีมชีสให้ละลายผงเจลาตินแล้วพักไว้ 
7. นำครีมชีสออกมาตีให้เนียน ถ้าไม่มีเครื่องตีใช้ตะกร้อมือก็ได้ 
8. ใส่ครีมข้นลงไป
9. ใส่นมข้นหวาน น้ำมะนาว นมข้นจืด และเจลาตินละลายลงไปตีจนเข้ากันดี
10.เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้แล้วนำเข้าตู้เย็นรอจนครีมชีสเซ็ทตัวไม่เละ (ประมาณเยลลี่นุ่ม ๆ ) ก็ตัดทานได้เลย เวลาจะทานตัดแล้วค่อยราดบลูเบอรี่ทีหลังจะดีกว่า  









ทีนี้จะมาบอกเคร็ดลับความอร่อยกันนะ
1. เอาครีมชีสออกมาจากตู้เย็นไว้ที่อุณหภูมิห้องจนอ่อนตัว
2. ครีมข้น นมข้นหวาน นมข้นจืด น้ำมะนาว ห้ามเย็น เพราะเวลาตีส่วนผสมจะไม่เนียนมันจะจับตัวเป็นเม็ด ๆ 
3. หมั่นคนขอบอ่างผสมเพื่อส่วนผสมจะได้เข้ากันดี
4. เปลือกพาย ไม่มีเตาอบเข้าตู้เย็นเลยก็ได้ แต่เปลือกจะไม่กรอบหอมเท่ากับผ่านการอบ 
5. ก่อนราดบลูเบอรี่ ควรเอาบลูเบอร์รี่ทั้งกระป๋องแช่ให้เย็นจัด เพื่อความอร่อยแบบสุด ๆ
6. สำหรับคนที่ไม่ชอบบลูเบอร์รี่ เปลี่ยนเป็นสตรอเบอร์รี่ หรือเชอร์รี่กวน ก็ได้เหมือนกัน 


ทีนี้ก็เอาไปทำตามความถนัดตัวเองเลยจ้า

ขอบพระคุณที่อ่านนะครับผม ^^

ปล.ใจจริงจะเอารูปมาลง แต่มันเยอะกลัว ผู้อ่าน อ่านไม่ออก


ที่มาอ้างอิง  http://board.palungjit.com/f77/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/